ในตอนที่ผ่านมาเราได้รู้จักกับรูปประโยคคำถามในลักษณะคำถามแบบตอบรับ-ปฏิเสธ หรือคำถามที่ลงท้ายด้วยคำว่า လား ลา แล้ว ในเนื้อหานี้ เรามาดูเกี่ยวกับรูปแบบประโยคคำถามที่ลงท้ายด้วย လဲ แล เราเรียกประโยคคำถามลักษณะนี้ว่า ประโยคคำถามเนื้อความ หรือคำถามที่ต้องการคำตอบในลักษณะรายละเอียด ลักษณะคำถามประเภทนี้ เช่น อะไร ไหน อย่างไร เท่าไร ที่ไหน ทำไม และเพื่ออะไร เป็นตัน
โดยตัวเนื้อความที่เป็นคำถามจะใช้ ဘာ บ่า แปลว่า อะไร หรือ ဘယ် แบ่ แปลว่า ไหน
ประโยคคำถาม ဘာလဲ บ่า แล (อะไร)
การถาม อะไร นั้น จะใช้ในรูปแบบต่างๆ คือ
ဘာလဲ บ่าแล
ဘာ + นาม + လဲ บ่า…แล
ဘာ + กริยา + လဲ บ่า…แล
ส่วนในการตอบคำถาม ส่วนที่เป็นตำตอบซึ่งเป็นนามนั้นมักจะถูกลงท้ายด้วย ပါ เพื่อบ่งขี้นามและให้ฟังดูสุภาพ
รูปแบบ นาม + ပါ นั้นเป็นการตอบอย่างสั้นโดยไม่ต้องทวนกริยา
การตั้งคำถาม อะไร มีดังนี้
ဘာလဲ เป็นคำถามให้บ่งชี้ เช่น
คำถาม — คำตอบ
ဒါ ဘာလဲ ။ — นั่นอะไร
ဗူးသီးပါ ။ — ผลน้ำเต้า
ဒီဟာ ဘာလဲ ။ — สิ่งนี้อะไร
ဆီးသီးပါ ။ — ลูกพุทรา
ဟိုဟာ ဘာလဲ ။ — สิ่งนั้นอะไร
ဟိုဟာ အာလူးပါ ။ — นั่นมันฝรั่ง
ဘာ + นาม + လဲ เป็นคำถามระบุนาม เช่น
คำถาม — คำคอบ
ဒါ ဘာတုရားလဲ ။ — นั้นเจดีย์อะไร
ဗူးဘုရားပါ ။ — เจดีย์น้ำเต้า
ဒါ ဘာသီးလဲ ။ — นั่นผลอะไร
ဒါ ယိုးဒယားဖရဲသီးပါ ။ — นั่นแตงโมไทย
ဘာ + กริยา + လဲ หรือ ဘာ + กริยา + သလဲ ต่ะแล เป็นตำถามระบุกริยา
อาจลงท้ายประโยคด้วย လဲ หรือ သလဲ ซึ่งเป็นคำถามสำหรับปกติกาล
คำถาม — คำคอบ
ကလေး ဘာကစားနေ(သ)လဲ ။ – เด็กกำลังเล่นอะไร
ကစားစရာပါ ။ — ของเล่น
သမီး ဘာလိုသေး(သ)လဲ ။ — ลูก ยังต้องการอะไร
ရေအေးပါ ။ — น้ำเย็น
သူက ဘာစားနေ(သ)လဲ ။ — เขากำลังกินอะไรอยู่
ဖရဲသီးပါ ။ — แตงโม
ဘာ + กริยา + မလဲ เป็นคำถามระบุกริยาสำหรับอนากตกาล (မ มาจาก မယ် แหม่)
คำถาม — คำตอบ
သမီး ဘာလိုမလဲ ။ — ลูก จะยังต้องการอะไร
ရေအေးပါ ။ — น้ำเย็น
သား ဘာကစားမလဲ ။ — ลูกชายจะเล่นอะไร
ကစားစရာပါ ။ — ของเล่น
သူက ဘာစားမလဲ ။ — เขาจะกินอะไร
သူက ဖရဲသီးစားမယ် ။ — เขาจะกินแดงโม
ประโยคคำถาม ဘယ်လဲ แบ่ แล (อันไหน)
ဘယ်လဲ เทียบได้กับ ไหน รูปแบบการใช้เป็นดังนี้
ဘယ် + นาม + လဲ เป็นคำถามระบุนาม
คำถาม — คำตอบ
ဘယ်ကားလဲ ။ — รถ(ดัน)ไหน
ဒီကားပါ ။ — รถคันนี้
ဘယ်ဂါထာလဲ ။ — คาถาไหน
ဒီဂါထာပါ ။ — คาถานี้
ဘယ်ဆရာလဲ ။ — ครู(คน)ไหน
ဒီဆရာပါ ။ — ครู(คน)นี้
ဘယ်နာရီလဲ ။ — นาฬิกา(อัน)ไหน
ဒီနာရီပါ ။ — นาฬิกา(อัน)นี้
ဘယ်ရထားလဲ ။ — รถไฟไหน
ဟိုရထားပါ ။ — รถไฟนั้น
ဘယ်ဟာလဲ ။ — อันไหน
ဟိုဟာပါ ။ — อันนั้น
ဘယ်အသီးလဲ ။ — ผลไม้ไหน
ဟိုအသီးပါ ။ — ผลไม้นั้น
ဘယ် + นาม + กริยา + သလဲ ต่ะ แล เป็นคำถามระบุนามในประโยคที่มีกริยา ในแบบปกติกาล
คำว่า သ ต่ะ เป็นกริยาวิภัตติที่แปลงรูปมาจาก တယ် แด่
คำถาม — คำตอบ
ဘယ်မြို့က လာသလဲ ။ — มาจากไหน
ပဲခူးမြို့ကပါ ။ — จากเมืองพะโก
ဘယ်ကားနဲ့ လာသလဲ ။ — มาด้วยรถ(คัน)ไหน
ဒီကားနဲ့ပါ ။ — มวด้วยรถ(คัน)นี้
ဘယ် + นาม + กริยา + မလဲ ม่ะ แล เป็นตำถามระบุนามในประโยคที่มีกริยา ในแบบอนาคตกาล
คำว่า မ เป็นกริยาวิภัตติที่แปลงรูปมาจาก မယ် แหม่
คำถาม — คำตอบ
ဘယ်ဂါထာ ဆိုမလဲ ။ — จะท่องคาถาไหน
ဒီဂါထာပါ ။ — คาถานี้
ဘယ်ဟာ ပေးမလဲ ။ — จะให้อันไหน
ဟိုဟာပါ ။ — อันนั้น
ဘယ်ဟာ ယူမလဲ ။ — จะเอาอันไหน
ဒီဟာပါ ။ — อันนี้
ဘယ်အသီးစားမလဲ ။ — จะกินผลไม้ชนิดไหน
ဆီးသီးစားမယ် ။ — จะกินพุทรา
ประโยคคำถามกับคำว่า မလို့လဲ มะ โล้ะ แล
မလို့ ใช้ในประโยคบอกเล่าจะหมายถึง กำลังจะ ใช้กับการที่จะกระทำการสิ่งใดสิ่งหนึ่งในขณะนั้น
คำถาม — คำตอบ
ဘာစားမလို့လဲ ။ — กำลังจะกินอะไร
ဖရဲသီးစားမလို့ပါ ။ — กำลังจะกินแดงโม
ဘာရေးမလို့လဲ ။ — กำลังจะเขียนอะไร
က ရေးလို့ပါ ။ — กำลังจะเขียน ตัว ก
ประโยคคำถาม ဘယ်သူလဲ แบ่ ตู่ แล (ใคร)
ในคำถามหาบุคคล จะใช้ว่า ဘယ်သူလဲ คำๆนี้ประกอบด้วย ဘယ်သူ แปลว่า ผู้ใด
ส่วน လဲ เป็นคำลงท้ายคำถาม เทียบได้กับ หรือ,รี ในการตอบคำถามประโยค ใคร
ส่วนที่เป็นคำตอบซึ่งต้องเป็นนามนั้นมักจะลงท้ายด้วย ပါ เพื่อบ่งชี้นามและช่วยให้ฟังดูสุภาพ
รูปแบบการใช้ประโยคคำถามดังกลำาวมีลักษณะต่างๆ ดังนี้
นาม + ဘယ်သူလဲ ใช้ในการถามแบบบ่งชี้บุคคลว่าเป็นใคร
คำถาม — คำตอบ
ဒီကလေး ဘယ်သူလဲ ။ — เด็กคนนี้เป็นใคร
ဆရာရဲ့သားပါ ။ — (เป็น)ลูกของครู
ဟိုလူ ဘယ်သူလဲ ။ — คนนั้นเป็นใคร
ဆရာပါ ။ — (เป็น)ครู
ဒါ ဘယ်သူလဲ ။ — นั่นใคร
ဆရာမပါ ။ — (เป็น)ครูหญิง
คำถาม – หาประธาน (ใคร)
ဘယ်သူ + กริยา + လဲ แบ่ตู่…แล เป็นคำถามหาประธาน โดยที่ ဘယ်သူ จะเป็นประธานของประโยค เช่น
คำถาม — คำตอบ
ဘယ်သူ ငိုနေသလဲ ။ — ใครกำลังร้องไห้
ညီမလေးပါ ။ — น้องสาว(ร้องไห้)
ဘယ်သူ နာသလဲ ။ — ใครเจ็บ
ဟိုကလေးပါ ။ — เด็กคนนั้น(เจ็บ)
ဘယ်သူ ပေါက်သလဲ ။ — ใครขว้าง
မဖြူပါ ။ — มะพยู(ขว้าง)
ဘယ်သူ ပြောမလဲ ။ — ใครจะพูด
မမပါ ။ — พี่สาว(จะพูด)
ဘယ်သူ ဖျော်မလဲ ။ — ใครจะชง
မေမေပါ ။ — แม่(จะซง)
ဘယ်သူ မေးမလဲ ။ — ใครจะถาม
ဟိုသမီးပါ ။ — เด็กหญิงคนนั้น
ဘယ်သူ ရေးမလဲ ။ — ใครจะเขียน
မမြပါ ။ — มะ-มยะ(จะเขียน)
ဘယ်သူ လာမလဲ ။ — ใครจะมา
ဘဘပါ ။ — ลุง(จะมา)
ဘယ်သူ အော်သလဲ ။ — ใครร้อง
ညီလေးပါ ။ — น้องชาย(ร้อง)
ဒိကား ဘယ်သူ ဝယ်မလဲ ။ — รถยนต์(คัน)นี้ใครจะซื้อ
သူပါ ။ — เขา(จะซื้อ)
คำถาม – หากรรม (ใคร)
ဘယ်သူ့ကို + กริยา + လဲ แบ่ตู้โก่…แล เป็นคำถามหากรรม โดยที่ ဘယ်သူ จะเป็นกรรมของประโยค
และต้องออกเสียง သူ ตู่ เป็นวรรณยุกต์สูงตก ซึ่งจะเขียนว่า သူ့ ตู้ เช่น
คำถาม — คำตอบ
ဦးလေး ဘယ်သူ့ကို ကယ်မလဲ ။ — อาจะช่วย(ชีวิต)ใคร
မနီပါ ။ — (ช่วย)มะหนึ่
မေမေ ဘယ်သူ့ကို ဆူနေသလဲ ။ — แม่กำลังเอ็ดไคร
ညီမပါ ။ — (เอ็ด)น้องลาว
ဖေဖေ ဘယ်သူ့ကို ခေါ်နေသလဲ ။ — พ่อกำลังเรียกใคร
မမြပါ ။ — (เรียก)มะ-มยะ
ဘဘ ဘယ်သူ့ကို မေးနေသလဲ ။ — ลุงกำลังถามใคร
သူ့ကလေးပါ ။ — (ถาม)ลูกเขา
คำถาม – หาผู้เป็นเจ้าของ
ဘယ်သူ့ + คำนาม + လဲ แบ่ตู้…แล เป็นคำถามหาผู้เป็นเจ้าของ
โดยที่ ဘယ်သူ့ จะแสดงผู้เป็นเจ้าของ
คำถาม — คำตอบ
ဒါ ဘယ်သူ့ ထီးလဲ ။ — นั่นร่มใคร
မေမေ့ထီးပါ ။ — (เป็น)ร่มของแม่
မမြဟာ ဘယ်သူ့ သမီးလဲ ။ — มะ-มยะเป็นลูกสาวใคร
ဆရာမသမီးပါ ။ — (เป็น)ลูกสาวครู
ဒါ ဘယ်သူ့ ကားလဲ ။ — นั่นรถใคร
ဆရာ့ကားပါ ။ — รถของครู
คำถาม – หาผู้ร่วม,กับใคร
ဘယ်သူနဲ့ + กริยา + လဲ แบ่ตู่แนะ…แล เป็นคำถามหาผู้ร่วม
โดยที่ ဘယ်သူနဲ့ จะมีดวามหมาย กับใคร
คำถาม — คำตอบ
ဘယ်သူနဲ့ စားမလဲ ။ — จะกินกับใคร
ညီမနဲ့ပါ ။ — (จะกิน)กับน้องสาว
ဘယ်သူနဲ့ ပြောနေသလဲ ။ — พูดอยู่กับใคร
အစ်မနဲ့ပါ ။ — (พูด)กับพี่สาว
ဘယ်သူနဲ့ လာသလဲ ။ — มากับใคร
ဆရာနဲ့ပါ ။ — (มา)กับครู
သမီးက ဘယ်သူနဲ့ နေမလဲ ။ — หนูจะอยู่กับใคร
မေမေနဲ့ပါ ။ — (จะอยู่)กับแม่
คำถาม – เพื่อใคร
ဘယ်သူ့ဖို့ + กริยา + လဲ แบ่ตู้โบ้ะ…แล ประโยคคำถาม เพื่อใคร
โดยที่ จะมีความหมายว่า เพื่อใคร
คำถาม — คำตอบ
ဘယ်သူ့ဖို့ ဝယ်လာသလဲ ။ — ซื้อมาเพื่อใคร
မေမေ့ဖို့ပါ ။ — เพื่อแม่
ဒီရေကို ဘယ်သူ့ဖို့ ယူလာသလဲ ။ — เอาน้ำนี้มาเพื่อไดร
ဘဘဖို့ပါ ။ — เพื่อลุง
คำถาม – เวลา,เมื่อไร
ဘယ်တော့ + กริยา + လဲ แบ่ด้อ…แล ประโยคคำถามเวลา
ในการถามเวลาทั่วไปนั้น จะใช้ ဘယ်တော့ แปลว่า เมื่อไร
รูปแบบนี้มักใช้กับประโยคอนาคตกาลและปกติกาล
ปกติกาล — သလဲ มาจาก คำว่า သ ต่ะ เป็นกริยาวิภัตติที่แปลงรูปมาจาก တယ် แด่
อนาคตกาล — မလဲ คำว่า မ เป็นกริยาวิภัตติที่แปลงรูปมาจาก မယ် แหม่
(คำถามเวลาจำเพาะดูที่ ဘယ်နှ…လဲ)
คำถาม — คำตอบ
ဘယ်တော့ပြသလဲ ။ — แสดงเมื่อไร
ဒီညပါ ။ — คืนนี้
ဘယ်တော့ပြောဖူးသလဲ ။ — เคยบอกเมื่อไร
မနေ့ကပါ ။ — เมื่อวาน
ဘယ်တော့ခေါ်မလဲ ။ — จะเรียกเมื่อไร
နောက်နေ့ပါ ။ — วันหลัง
ဘယ်တော့ပေးမလဲ ။ — จะให้เมื่อไร
ဒီနေ့ပါ ။ — วันนี้
ဘယ်တော့ဝယ်မလဲ ။ — จะซื้อเมื่อไร
နောက်လပါ ။ — เดือนหน้า
ဘယ်တော့ယူလာမလဲ ။ — จะเอามาเมื่อไร
နောက်အခါပါ ။ — โอกาสหน้า
ဘယ်တော့လာမလဲ ။ — จะมาเมื่อไร
ဒီလပါ ။ — เดือนนี้
ဘယ်တော့သောက်မလဲ ။ — จะดื่มเมื่อไร
အခုပါ ။ — ตอนนี้
ဘယ်တော့ဟောမလဲ ။ — จะเทศน์เมื่อไร
ဒီညပါ ။ — คืนนี้
คำถาม – จำนวน,ปริมาณ,คุณภาพ,เท่าไหร่
ဘယ်လောက် + กริยา + လဲ แบ่เล่า…แล เป็นคำถามจำนวน
โดยที่ ဘယ်လောက် จะมีความหมายว่า เท่าไร
คำถาม — คำตอบ
ဒါ ဘယ်လောက်လဲ ။ — นั่น(ราคา)เท่าไร
တစ်ရာပါ ။ — หนึ่งร้อย
ဒီထီးက ဘယ်လောက်လဲ ။ — ร่มคันนี้ราคาเท่าไร
တစ်ရာ့ငါးဆယ်ပါ ။ — หนึ่งร้อยห้าสิบ
လိူ ဘယ်လောက်များသလဲ ။ — คนมากเท่าไร
သုံးဆယ်လောက်ပါ ။ — ราว ๓๐
ဆားကို ဘယ်လောက်ထည့်မလဲ ။ — จะใส่เกลือเท่าไร
နည်းနည်းထည့်မယ် ။ — จะใส่นิดหน่อย
သူ့ကို ဘယ်လောက်သိသလဲ ။ — รู้จักเขาสักเท่าไร
မသိဖူးပါဘူး ။ — ไม่เคยรู้จัก
คำถาม – วิธีการ,อย่างไร
ဘယ်လို + กริยา + လဲ แบ่ โหล … แล ประโยคคำถามหาวิธีการ
โดยที่ ဘယ်လို มีความหมายว่า อย่างไร
คำถาม — คำตอบ
ဘယ်လို စားသလဲ ။ — กินอย่างไร
ဒီလိုစားပါ ။ — กินอย่างนี้ซิ
ဘယ်လို သိရမလဲ ။ — จะรู้ได้อย่างไร
ဖေဖေ့ကို မေးရမယ် ။ — จะต้องถามพ่อ
ဘယ်လို လာသလဲ ။ — มาอย่างไร
ရထားနဲ့ လာတယ် ။ — มาโดยรถไฟ
ဒီပဲကို ဘယ်လို စားသလဲ ။ — กินถั่วนี้อย่างไร
တူနဲ့ စားတယ် ။ — กินด้วยตะเกียบ
” ဝ ” ကို ဘယ်လို ရေးသလဲ ။ — ตัว ว เขียนอย่างไร
ဒီလို ရေးပါ ။ — เขียนอย่างนี้
ဖေဖေက ဘယ်လိုလာသလဲ ။ — พ่อมาอย่างไร
ကားနဲ့လာတယ် ။ — มาด้วยรถยนต์
คำถาม – สาเหตุ,ทำไม,เพราะอะไร
ဘာဖြစ်လို့ + กริยา + လဲ / သလဲ บ่า พยิ โหละ … (แล / ตะ แล)
*คำว่า พยิ เขียนเพื่อให้สะกดได้เท่านั้น เวลาออกเสียงมักจะไม่มีเสียง ย จะเป็น พิ
คำว่า ဘာဖြစ်လို့လဲ บ่า พยิ โหละ แล แปลว่า ทำไม,เหตุใด,เพราะอะไร
ซึ่งสามารถใช้สำหรับถามหาสาเหตุ โดยรูปประโยคข้างต้นได้เลย
แต่ถ้าใช้งานร่วมกับกริยาอื่น จะมีรุปแบบดังนี้
คำถาม — คำตอบ
ဘာဖြစ်လို့ စားသလဲ ။ — กินเพราะอะไร
ဆာလို့ပါ ။ — เพราะหิว
ဘာဖြစ်လို့ မေးသလဲ ။ — ถามเพราะอะไร
မသိလို့ပါ ။ — เพราะไม่รู้
กรณีเป็นคำถามเชิงปฏิเสธจะมีรุปแบบดังนี้
ဘာဖြစ်လို့ မ + กริยา + သလဲ / တာလဲ บ่า พยิ โหละ มะ … ตะ แล / ด่า แล)
คำถาม — คำตอบ
ဘာဖြစ်လို့ မစားသလဲ ။ — ทำไมไม่กิน
မဆာလို့ပါ ။ — เพราะไม่หิว
ဘာဖြစ်လို့ မလာတာလဲ ။ — ทำไมไม่มา
မေ့လို့ပါ ။ — เพราะลืม
ဘာဖြစ်လို့ မလာသေးတာလဲ ။ — ทำไมยังไม่มา
မအားသေးလို့ပါ ။ — เพราะยังไม่ว่าง
ข้อแตกต่างของการใช้ သလဲ ตะ แล กับ တာလဲ ด่า แล คือ
သလဲ ใช้ถามในเชิงคาดคั้น
တာလဲ ใช้ถามที่เป็นลักษณะอ่อนโยนกว่า
คำถาม – สถานที่,ที่ไหน
ဘယ်မှာ + กริยา + လဲ / သလဲ / မလဲ แบ่ หม่า … แล/ตะ แล/มะ แล ประโยคคำถามถึงสถานที่
แปลว่า ที่ไหน สามารถใช้ถามง่ายๆ โดยไม่ต้องมีกริยาก็ได้ ใช้เป็น ဘယ်မှာလဲ แบ่ หม่า แล
แต่ถ้าต้องการระบุกริยาเข้าไปด้วย ก็จะใช้เป็น ဘယ်မှာ…လဲ
ဘယ်မှာ ထားလဲ ။ — วางไว้ที่ไหน
ဘယ်မှာ နေသလဲ ။ — อาศัยอยู่ที่ไหน
ဘယ်မှာ စားမလဲ ။ — จะกินที่ไหน
ถ้าใช้ร่วมกับประธานหรือกรรม ให้วาง ဘယ်မှာ ไว้หลังคำนั้นๆ เช่น
ဇာတိ ဘယ်မှာလဲ ။ — บ้านเกิดอยู่ที่ไหน
ဈေး ဘယ်မှာလဲ ။ — ตลาดอยู่ที่ไหน
ဖလားကို ဘယ်မှာ ထားသလဲ ။ — วางขันไว้ที่ไหน
คำถาม – สถานที่ต้นทาง,จากไหน
ဘယ်က + กริยา + လဲ แบ่ ก้ะ…แล ประโยคคำถามถึง สถานที่ต้นทาง แปลว่า จากไหน
ဘယ်က လာသလဲ ။ — มาจากไหน
ဘယ်က ယူလာသလဲ ။ — เอามาจากไหน
သူဟာ ဘယ်က လာသလဲ ။ — เขามาจากไหน
คำถาม – สถานที่ปลายทาง,ยังที่ไหน
ဘယ်ကို + กริยา + လဲ แบ่ โก่..แล ประโยคคำถามถึง สถานที่ปลายทาง แปลว่า ยังที่ไหน
ဘယ်ကို ပို့မလဲ ။ — จะส่งไปที่ไหน
ဘယ်ကို ပြန်မလဲ ။ — จะกลับไปที่ไหน
ဘယ်ကို ရောက်ခဲ့ပြီလဲ ။ — ได้ไปถึงที่ไหนแล้ว
ဘယ်နေရာကို ရောက်ခဲ့ပြီလဲ ။ — ได้ไปถึงสถานที่ไหนแล้ว
ในรูปแบบนี้อาจละ ကို ได้ เช่น
ဘယ်နေရာ ရောက်ခဲ့ပြီလဲ ။ — ได้ไปถึงสถานที่ไหน
ตัวอย่างการตอบคำถามเกี่ยวกับสถานที่
คำถาม — คำตอบ
ဘယ်မှာ နေသလဲ ။ — อาศัยอยู่ที่ไหน
အိမ်မှာ နေတယ် ။ — อาศัยอยู่ที่บ้าน
ဇာတိ ဘယ်မှာလဲ ။ — บ้านเกิดอยู่ที่ไหน
ဘန်ကောက်မှာပါ ။ — ที่กรุงเทพฯ
ဘယ်မှာ ဆင်းမလဲ ။ — จะลงที่ไหน
ဟိုမှာ ဆင်းမယ် ။ — จะลงที่โน่น
ဘယ်မှာ ရေးမလဲ ။ — จะเขียนที่ไหน
ဒီမှာ ရေးမယ် ။ — จะเขียนที่นี่
ဘယ်က လာသလဲ ။ — มาจากไหน
အိမ်က လာတယ် ။ — มาจากบ้าน
ဘယ်က သိရသလဲ ။ — รู้มาจากไหน
မမြက သိရတယ် ။ — รู้มาจากมะ-มยะ
သယ်ကို ရောက်ခဲ့ပြီလဲ ။ — ได้ไปที่ไหนมาแล้ว
ဘန်ကောက်ကို ရောက်ခဲ့ပြီ ။ — ได้ไปกรุงเทพมาแล้ว
คำถาม – กี่,เท่าไหร่
ဘယ်နှ + ลักษณะนาม + กริยา + လဲ แบ่ หน่ะ…แล ใช้ถามจำนวน ในความหมายว่า กี่,เท่าไหร่
คำถาม — คำตอบ
ဘယ်နှကြိမ် ရောက်ခဲ့လဲ ။ — ได้ไปถึงกี่ครั้งแล้ว
၃ ကြိမ်ပါ ။ — สามครั้ง
ဘယ်နှခု ဝယ်ချင်သလဲ ။ — อยากซื้อกี่อัน
၂ ခုပါ ။ — สองอัน
ဘယ်နှခု ယူမလဲ ။ — จะเอากี่อัน
၇ ခုပါ ။ — เจ็ดอัน
ဘယ်နှယောက် လာမလဲ ။ — จะมากี่คน
၆ ယောက်ပါ ။ — หกคน
ဘယ်နှလ ကြာမလဲ ။ — จะนานกี่เดือน
၅ လပါ ။ — ห้าเดือน
ဘယ်နှနာရီ ထိုးပြီလဲ ။ — กี่นาฬิกาแล้ว
၄ နာရီပါ ။ — สี่โมง
ถ้าใช้ร่วมกับคำนาม จะวางคำนามนั้นๆ ไว้หน้า ဘယ်နှ เช่น
ကလေး ဘယ်နှယောက် လာမလဲ ။ — เด็กจะมากี่คน
ကား ဘယ်နှစီး ဝယ်ထားသလဲ ။ — ซื้อรถยนต์ไว้กี่คัน
คำถาม – เพราะอะไร,ทำไม
သာကြောင့် + กริยา + လဲ หรือ သာကြောင့် + กริยา + သလဲ ประโยคคำถามหาสาเหตุ
ประโยคคำถาม သာကြောင့်…လဲ(သလဲ) ต่าจ่อง…แล(ตะแล)
มีความหมายว่า เพราะอะไร,ทำไม
ถ้าในประโยคมีประธาน หรือกรรม มักวาง သာကြောင့် ไว้หน้าคำดังกล่าว
သာကြောင့် သူမလာသလဲ ။ — เพราะอะไรเขา(จึง) ไม่มา
သာကြောင့် အစ်ကို မူးလာသလဲ ။ — เพราะอะไรพี่ชาย(จึง) เมามา
သာကြောင့် မမာလာ တမင်းမစားချင်သလဲ ။ — เพราะอะไรมะมาลา(จึง)ไม่กินข้าว
เวลาปฏิเสธจะใช้ในรูปแบบ
သာကြောင့် + မ + กริยา + တာလဲ ต่าจ่อง มะ … (ด่าแล)
သာကြောင့် သူ မစားတာလဲ ။ — ทำไมเขาจึงไม่กิน
သာကြောင့် သူပေးမတွေ့တာလဲ ။ — เพราะอะไรเขา(จึง)ไม่ให้พบ
คำถาม – ตั้งแต่เมื่อไร
ဘယ်တုန်းက + กริยา + လဲ แบ่โดนก้ะ…แล ประโยคคำถาม ใช้ถามเวลาหรือเหตุการณ์ในอดีต
มีความหมายว่า ตั้งแต่เมื่อไร
ဘယ်တုန်းက ပြောခဲ့သလဲ ။ — บอกตั้งแต่เมื่อไร
ဘယ်တုန်းက လုပ်ခဲ့သလဲ ။ — ทำตั้งแต่เมื่อไร
ဘယ်တုန်းက ရောက်ခဲ့သလဲ ။ — มาถึงตั้งแต่เมื่อไร
ဘယ်တုန်းက သွားသလဲ ။ — ไปตั้งแต่เมื่อไร
ဘယ်တုန်းက ပြောလိုက်တာလဲ ။ — พูดตั้งแต่เมื่อไร
ဘယ်တုန်းက သွားလိုက်တာလဲ ။ — ไปตั้งแต่เมื่อไร
เนื้อหาตอนที่ 2 นี้เราได้พูดถึงเกี่ยวกับคำถามเพิ่มเติมในภาษาพม่า เป็นลักษณะคำถามเนื้อความ หรือรายละเอียดของคำตอบ ตอนหน้าเราจะมาดูประโยคเพิ่มเติมที่เหลือ โดยจะพูดถึงประโยคปฏิเสธ รอติดตาม